ศัลยกรรมผิวหนังส่วนเกิน
การผ่าตัดหน้าท้องแบบเล็ก ไม่มีการย้ายตำแหน่งสะดือ (Mini-abdominoplasty)
วิธีนี้เป็นการผ่าตัดโดย นำผิวหนัง และไขมัน ของหน้าท้องบริเวณส่วนล่าง (ใต้สะดือ) ออก และเย็บกระชับกล้ามเนื้อด้านล่างให้กระชับมากยิ่งขึ้น แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่บริเวณขอบล่าง (Bikini line) คล้าย ๆ แผลผ่าตัดคลอดลูก โดยไม่มีแผลบริเวณสะดือ วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่มีแผลผ่าตัดไม่มาก และเน้นการแก้ไขปัญหาบริเวณหน้าท้องด้านล่าง (ใต้ต่อสะดือ) เป็นหลัก
ผลลัพธ์หลังผ่าตัด หน้าท้องส่วนล่างจะตึงขึ้นอย่างมาก กล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนล่างกระชับขึ้น
ข้อดี
- แก้ไขความหย่อนคล้อย และลายหน้าท้อง ของผิวหนังด้านล่างได้
- แก้ไขกล้ามเนื้อที่แยกหรือหย่อนคล้อยจากการคลอดบุตรบริเวณด้านล่างของท้องได้
- นำไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องด้านล่างออกได้ทั้งหมด
- แผลผ่าตัดเล็กกว่าวิธี Full-abdominoplasty และ ไม่มีแผลผ่าตัดบริเวณสะดือ
- ความเจ็บหลังผ่าตัดน้อยกว่า และเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดน้อยกว่า วิธี Full-abdominoplasty
ข้อเสีย
- ไม่สามารถแก้ไขความหย่อนคล้อย และลายหน้าท้องของผิวหนังด้านบน (เหนือสะดือ) ได้
- ไม่สามารถแก้ไขกล้ามเนื้อที่แยก หรือหย่อนคล้อยจากการคลอดบุตร บริเวณด้านบนของท้อง (เหนือสะดือ) ได้
หน้าท้องแบบใหญ่ และมีการย้ายตำแหน่งสะดือ (Full-abdominoplasty)
วิธีนี้เป็นการผ่าตัด โดยนำผิวหนังและไขมัน ของหน้าท้องบริเวณส่วนล่าง (ใต้สะดือ) ออก และเย็บกระชับกล้ามเนื้อทั้งด้านล่างและด้านบนให้กระชับมากยิ่งขึ้น จากนั้น จะดึงนำหน้าท้องด้านบนมาปิดหน้าท้องด้านล่างแทน โดยมีการย้ายตำแหน่งสะดือ และตกแต่งสะดือใหม่ แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่บริเวณขอบล่าง (Bikini line) คล้าย ๆ แผลผ่าตัดคลอดลูก และมีแผลบริเวณรอบสะดือด้วย วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่เน้นการแก้ไขปัญหา ในทุกๆส่วนของหน้าท้อง ทั้งบริเวณด้านล่างและด้านบน จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยมาก ๆ ทั้งด้านบนและด้านล่าง
ผลลัพธ์หลังผ่าตัด หน้าท้อง ทั้งส่วนบนและส่วนล่างจะตึงขึ้นอย่างมาก กล้ามเนื้อหน้าท้องกระชับขึ้นทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
ข้อดี
- แก้ไขความหย่อนคล้อย ของผิวหนังทั้งด้านบนและด้านล่างได้
- แก้ไขกล้ามเนื้อที่แยก หรือหย่อนคล้อยจากการคลอดบุตร ทั้งด้านบนและด้านล่างได้
- เป็นวิธีที่ นำไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องด้านล่างออกได้มากที่สุด
ข้อเสีย
- แผลผ่าตัดยาวกว่าวิธีอื่นๆ และ มีแผลผ่าตัดบริเวณรอบสะดือ
- ความเจ็บหลังผ่าตัดมากกว่า และใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดมากกว่าวิธีอื่นๆ
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดหนังหน้าท้อง
1. แจ้งประวัติการแพ้ยาที่รับประทาน หรือยาชา ยาสลบ ให้แพทย์ทราบ
2. หากมีโรคประจำตัว, ยาที่ใช้ประจำ ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแล และแจ้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดล่วงหน้า
3. หากเป็นโรคที่รักษาหายขาด ควรรักษาให้หายก่อน
4. หากเป็นโรคที่ไม่หายขาด เช่น เบาหวาน ความดัน หรือ หัวใจ ต้องควบคุมร่างกายให้ปกติก่อน
5. งดหรือเลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้แผลหายช้าลง
6. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในคืนก่อนผ่าตัด และ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
7. งดกลุ่มยาที่จะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด และวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม
8. คนไข้ที่ต้องดมยาสลบ ควรงดน้ำ และอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
9. เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ถอดใส่ง่าย งดการใช้โลชั่นบริเวณลำตัว ในเช้าวันที่จะผ่าตัด
10. เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม และควรรับทราบว่าหลังการผ่าตัดมีโอกาสเกิดรอยช้ำ และการเปลี่ยนแปลง
การดูแลหลังผ่าตัดหนังหน้าท้อง
1. การดูแลแผลผ่าตัด ต้องระวังไม่ให้แผลถูกน้ำ ประมาณ 7 วัน หลังการผ่าตัด และทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำ
2. ต้องใส่ผ้ารัดหน้าท้องตลอดเวลาในช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นควรใส่ผ้ากระชับเพื่อป้องกันการฉีกขาดของกล้ามเนื้อที่เย็บกระชับหน้าท้อง และลดอาการบวม
3. การเขียวช้ำบริเวณผ่าตัดอาจเกิดขึ้นได้ และจะหายไปภายใน 2-3 อาทิตย์ ถ้ามีอาการปวด บวม แดง ร่วมด้วยให้มาพบแพทย์ทันที
4. ภายใน 1-2 สัปดาห์แรก ควรเดินแบบก้มตัวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แผลตึง
5. สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
6. สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ภายใน 2 – 4 สัปดาห์
7. สามารถทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกายได้ ภายใน 4 สัปดาห์
ทั้งนี้ต้องได้รับการประเมินผลจากแพทย์ก่อน แผลเป็นจะค่อยๆ จาง และแบนราบลงภายในช่วง 3 – 6 เดือนหลังการผ่าตัด
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”
ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos