เคล็ดลับยานยนต์ 
13 ก.ค. 2561 ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ผู้หญิงใช้รถกันมากขึ้น อัตราการซื้อรถของผู้หญิงก็มากขึ้นทุกๆปี อย่างว่าล่ะ มันคือยุคสมัยที่ผู้หญิงเก่ง และเป็น Working Women กันแล้วใช่ไหม แต่เมื่อมีรถแล้วก็ต้องมาดูเรื่องของการดูแลรักษารถของตัวเองกันบ้าง สละเวลาอ่านเพียง 8 ข้อ รับรองมีประโยชน์สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายแน่นอน
ให้สังเกตหรือเช็คลมยางของคุณอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งก่อนออกรถ เดินดูให้ทั่วทั้ง 4 ล้อ ว่าลมยางของคุณอ่อนไปหรือเปล่า เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปก็จะเป็นอันตรายระหว่างขับขี่ได้ ที่สำคัญทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นด้วย อย่าลืมเช็คลมยางเสมอน จะได้มีเงินเหลือไปช้อปปิ้งมากขึ้น ^^ ส่วนจะเติมลมยางเท่าไหร่นั้นแล้วแต่ขนาดของยางและล้อรถคุณ แต่โดยปกติรถทุกรุ่นก็จะมีแท๊กบอกอยู่ข้างๆประตูฝั่งคนขับว่าควรเติมลมล้อหน้าเท่าไหร่ และล้อหลังเท่าไหร่ รถเก่งส่วนมากก็ ล้อหน้า 32 ปอนด์ ส่วนล้อหลังจะเป็น 30 ปอนด์ แต่แนะนำให้เติมล้อหลังซัก 31 หรือ 32 ไปเลย เผื่อไว้บรรทุกของข้างหลังรถ เช่นเอกสารต่างๆ, คอมพิวเตอร์, รองเท้าสุภาพสตรีเนื่องในโอกาสต่างๆอันนี้ขาดไม่ได้ใช่ไหม
การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องนั้นไม่ยากเลย ปกติเราก็จะถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายอยู่แล้วใช่ไหม แต่ถ้าเดือนไหนคุณออกไปพบลูกค้าเยอะล่ะ ขับรถเยอะ ใช้งานรถเยอะ เราก็ต้องตรวจสอบน้ำมันเครื่องกันหน่อยว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานนะ ไม่อย่างนั้นมีหวังคุณได้เสียเงินซ่อมเครื่องยนต์แน่ๆ วิธีการดูก็ไม่ยาก เปิดฝากระโปรงหน้ารถของคุณแล้วดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู (ให้สังเกตบริเวณก้านวัดจะมีรูปกาน้ำมันเครื่องอยู่) เมื่อดึงออกมาให้ใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำมันเครื่องออกก่อน จากนั้นเสียบกลับเข้าไปใหม่ และดึงออกมาดูอีกครั้งหนึ่ง ให้สังเกตรอยคราบน้ำมันเครื่องไม่ควรอยู่ต่ำกว่าขีดล่าง ถ้าต่ำกว่าก็ให้คุณเติม น้ำมันเครื่องเพิ่มเติมจนได้ระดับ อย่าให้ระดับน้ำมันเครื่องเกินขีดบนนะ เดี๋ยวเครื่องยนต์จะเสียหายได้
ข้อนี้เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ก็เตือนเผื่อไว้กันลืม และสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเช็คตรงไหนดูตามรูปภาพได้เลย การเติมน้ำยานั้นคุณผู้หญิงสามารถเติมน้ำเปล่าได้แต่ต้องเป็นน้ำที่สะอาด และก็สามารถเติมน้ำยาที่ใช้สำหรับทำความสะอาดคราบสกปรกบนกระจกรถได้เช่นกัน ส่วนการเติมนั้นก็เติมให้ได้ระดับขีดที่กำหนดไว้แค่นั้นพอ ถึงเวลาฉุกเฉินจะได้มีน้ำฉีดทำความสะอาดกระจกรถเพื่อปรับทัศนะวิสัยให้ดีขึ้น ป้องกันอันตรายบนท้องถนนขณะขับรถได้
คุณผู้หญิงควรจะศึกษาระบบน้ำยาหล่อเย็นของรถยนต์ไว้นะ เพราะมันสำคัญมาก มีผลกับเครื่องยนต์โดยตรงทีเดียวเลยล่ะ ถ้าเกิดปัญหาเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์ก็จะลำบากแน่ๆ ยิ่งใครที่ขับรถออกต่างจังหวัดบ่อยถ้าเครื่องโอเวอร์ฮีท (อาการที่เกิดจากความร้อนของเครื่องยนต์สูงเกิน หรือ เครื่องน๊อค) ขึ้นมากลางทางด้วยแล้ว อันตรายมากๆ ยิ่งคุณขับรถไปคนเดียวแล้วเกิดเครื่องน๊อคตอนกลางคืนล่ะ ไม่ดีแน่ๆ แค่คิดก็อันตรายมากๆเลย ฉะนั้นอย่าละเลยการตรวจเช็คระดับของน้ำยาหล่อเย็นด้วยนะ และเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณภาพด้วย
พอขึ้นว่าตรวจเช็คแบตเตอรี่ไม่ต้องกังวนนะว่าจะให้ไปเช็คถึงขึ้นถอดแบตเติมน้ำกลั่น เช็คขั้วแบต ไขโน้นไขนี่ ไม่ต้องหรอก มันยุ่งยากสำหรับคุณเกินไป ง่ายๆดีกว่า เอาเป็นว่าการตรวจเช็ค ก็แค่ให้สังเกตอาการผิดปกติเวลาที่คุณสตาร์ทรถยนต์เท่านั้น อย่างเช่น ถ้าคุณบิดกุญแจแล้วรู้สึกว่าเครื่องยนต์มันติดยากขึ้น หรือว่าสตาร์ทเครื่องยนต์ทีแรกไม่ค่อยจะติด ต้องบิดย้ำหลายๆทีถึงจะติด และให้เปิดไฟในห้องโดยสารแล้วสังเกตดูถ้ารู้สึกว่ากำลังไฟมันอ่อนๆลงไป อาการเหล่านี้ให้เดาไว้ก่อนว่าแบตเตอรี่รถของคุณกำลังจะหมด ให้รีบเตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่ซะ การสังเกตแบบนี้จะเห็นได้ชัดที่สุดถ้าเป็นรถของคุณเอง ขับรถคันนี้บ่อยๆ ก็จะสังเกตและรู้สึกถึงความผิดปกติได้ชัดขึ้น แต่วิธีสังเกตแบบนี้จะใช้ไม่ได้สำหรับใครที่พึ่งจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไปยังไม่เกิน 6 เดือนนะ ถ้ามีอาการเหล่านี้แสดงว่ารถคุณต้องผิดปกติอย่างอื่น ให้รีบนำรถไปให้ศูนย์หรืออู่เช็คด่วนเลย
เปิดฝากระโปรงหน้ารถ และให้สังเกตกระปุกน้ำมันเบรกส่วนมากจะมีขีดระดับอยู่ 2 ขีด เขียนว่า MIX กับ MIN ระดับน้ำมันเบรกต้องไม่ต่ำกว่า MIN ถ้าต่ำกว่า MIN มากก็ให้เติมน้ำมันเบรกเพิ่มเติม แต่เติมอย่าให้เกินขีดที่เขียนว่า MAX นะ ตอนเติมก็ให้ระวังน้ำยาหกโดนสีรถด้วย เพราะมันจะไปกัดกร่อนทำลายผิวสีรถ ส่วนใครที่ระดับน้ำมันเบรกลดลงไปมากให้สันนิษฐานก่อนเลยว่าผ้าเบรกรถของคุณนั้นสึกหรอไปมากแล้ว ต้องลองเช็คผ้าเบรกรถ ถ้าสึกหรอไปมากก็เตรียมเปลี่ยนผ้าเบรกได้เลย แต่ถ้าคุณเห็นว่าพึ่งจะเติมน้ำยาเบรกไป แล้วไม่นานน้ำยาก็กลับมาต่ำกว่าขีด MIN อีก แสดงว่ามีการรั่วซึมของน้ำมันเบรกแน่นอน เช็คด่วนเลยครับอันตรายมาก
การตรวจเช็คน้ำมันเกียร์คุณต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้ก่อนซัก 2-3 นาที จากนั้นดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออกมา และเช็ดคราบน้ำมันที่ก้านวัดออกก่อน แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ แล้วค่อนดึงออกมาดูระดับน้ำมันเกียร์อีกครั้ง อย่าให้ระดับน้ำมันเกียร์อยู่ต่ำกว่าขีด MIN (ในกรณีตอนเช็คระดับน้ำมันเกียร์ ถ้าคุณจอดรถค้างคืนไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงก็ให้ดูก้านวัดระดับที่เขียนคำว่า Cool นะ แต่ถ้าพึ่งวิ่งรถเครื่องร้อนๆมาก็ให้ดูที่ระดับคำว่า HOT ) ถ้าระดับน้ำมันต่ำกว่าขีดมากก็ให้ค่อยๆเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไปให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าไม่รู้ว่าจะเติมยังไงหรือใช้รุ่นไหนก็แนะนำว่าให้เข้าไปที่ศูนย์บริการหรืออู่ที่คุณไว้ใจได้เลย เราแค่สังเกตดูว่ามันปกติดีหรือไม่ก็พอ
ไการเคลือบสีรถ เป็นการปกป้องสีรถของคุณให้เงางาม สวยใส อยู่ตลอดเวลา ก็เปรียบเหมือนคุณผู้หญิงที่ปกป้องผิวหน้าผิวกายด้วยการ ทาครีม ทาโลชั่น ฯลฯ ดูแลผิวให้เปล่งประกาย ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลานั้นแหละ รถก็เช่นกัน คุณต้องหาน้ำยาเคลือบสีรถดีๆมาเคลือบปกป้องไว้ อีกอย่างที่สำคัญ ถ้าคุณไปหาลูกค้าแล้วรถของคุณนั้นสกปรก หม่นหมอง ไม่เงางาม รับรองไม่เป็นผลดีแน่ๆ ยิ่งสมัยนี้ต้องยอมรับว่าสังคมในบ้านเรารถก็เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของคนขับซะด้วย ฉะนั้นอย่าละเลยการทำความสะอาดรถ และอย่าลืม เคลือบสีรถ ปกป้องรถคุณด้วยนะ ถ้าใครไม่มีเวลาก็นำรถไปใช้บริการร้านคาร์แคร์ที่คุณไว้ใจ แต่ถ้าใครมีเวลาก็จัดการล้างรถ เคลือบสีรถ เองเลย เป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย ^^
เป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงจะไม่ยากจนเกินไปสำหรับคุณผู้หญิงนะ เพื่อรถที่คุณรัก และความปลอดภัยสำหรับตัวคุณเอง อ่าน 8 ข้อนี้แล้วลองเช็ครถของคุณดูนะ ว่ามีส่วนไหนของรถที่ไม่พร้อมใช้งานบ้าง จะต้องรีบดำเนินการแก้ไข
ที่มา :: http://www.thaicarproducts.com/
